PIN พร้อมรับลูกค้าภาคอุตฯชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า เข้าลงทุนในนิคมฯปิ่นทอง 6 หวังเร่งการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเติบโตตามแผน

1 / 1

บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN เร่งรุกทำตลาดชิงลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์อีวี หวังดันการขายที่ดินเพิ่ม ชูจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งโครงการในเขตพื้นที่ EEC และการบริหารจัดการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมระดับสูงสุด หรือ Eco world class เพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์อีวีในภูมิภาคอาเซียน นายสุรัช พัฒนวงศ์ยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ของภาครัฐต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานรองรับและทักษะแรงงานมีฝีมือ ตลอดจนนโยบายภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมเรื่องมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ทั้งจากประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกา เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยและทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีความคึกคักมากขึ้น ทั้งนี้ ประเมินว่าเมื่อมีค่ายรถยนต์เข้ามาตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแล้ว จะทำให้ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเพิ่มเติม ทั้งกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ รวมถึงแบตเตอรี่ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นโอกาสของ PIN ในการนำศักยภาพโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 ที่มีพื้นที่รวมกว่า 1,500 ไร่ ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC และ ใกล้กับโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และมีการบริหารจัดการโครงการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมรอบด้าน รองรับความต้องการผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์อีวี เพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯ ได้เร่งสื่อสารจุดเด่นโครงการผ่านสื่อออนไลน์ไปยังกลุ่มนักลงทุนจีนและญี่ปุ่น โดยตอกย้ำจุดเด่นโครงการที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค และการให้บริการที่เกี่ยวข้องแบบ One-Stop service เช่น การขอใบอนุญาตก่อสร้าง การขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งถือเป็นซัพพลายเชนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เข้ามาตั้งฐานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 ทั้งนี้ ฐานลูกค้าในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ คิดเป็น สัดส่วน 23% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น จีนและไต้หวัน ทำให้บริษัทฯ มีความเข้าใจถึงความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาลงทุน “เราประเมินว่า ในอีก 1- 3 ปีข้างหน้า จะเห็นผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยอีกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสของ PIN นำเสนอโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 เข้าไปรองรับกับเม็ดเงินลงทุนของผู้ประกอบการกลุ่มนี้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินงานของ PIN ที่จะทำยอดขายจากการขายที่ดินได้เพิ่มขึ้น” นายสุรัช กล่าว