PIN วางกลยุทธ์เด็ดรองรับลูกค้าในนิคมฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ
1 / 1
บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN อีกหนึ่งความสำเร็จของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นไทยที่สร้างผลประกอบการประจำปี 2565 ที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยมีรายได้หลักที่มาจากยอดขายที่ดินได้เติบโตกว่า 160% เช่นเดียวกับรายได้ที่มาจากกลุ่มธุรกิจ Recurring Income ก็เติบโตไม่แพ้กัน . อีกทั้ง ในปี 2566 ทาง PIN เองนั้น ได้วางแผนกลยุทธ์และแผนงานการเติบโตไว้อย่างน่าสนใจ อาทิเช่นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์อีวี ทั้งชิ้นส่วน อะไหล่ และแบตเตอรี่ รวมถึงลูกค้ากลุ่มธุรกิจ Data Center . สำหรับความสำเร็จในช่วงปี 2565 ที่ผ่านมา รวมถึงแผนงานเพื่อสร้างการเติบโตของ PIN ในปี 2566 จะเป็นอย่างไร Wealthy Thai จะพาไปหาคำตอบ . ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,146 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 94% จากปีก่อน และสามารถทำกำไรสุทธิได้กว่า 325 ล้านบาท ทำให้ผลกำไรสุทธิของ PIN เติบโต 125% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยความสำเร็จดังกล่าวมาจากปัจจัยมียอดโอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 210 ไร่ ส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินปรับตัวสูงขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน . ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Recurring Income ที่ประกอบด้วย รายได้จากการให้บริการเช่าโรงงานและคลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัว 4.4% และในส่วนของธุรกิจค่าบริการพื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการเติบโตได้ถึง 5% ซึ่งเป็นเพราะกิจกรรมการผลิตของลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น . ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ที่ตอกย้ำจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งของโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC . พร้อมกับการให้บริการที่เกี่ยวข้องแบบ One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างประเทศที่สนใจตั้งฐานการผลิตในไทยเพื่อใช้เป็นฐานส่งออกและบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน . สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 2566 PIN เน้นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อรับกับโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น . โดยมุ่งเน้นนักลงทุนจากประเทศจีนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อีวี ทั้งชิ้นส่วน อะไหล่ และแบตเตอรี่ รวมถึงลูกค้ากลุ่มธุรกิจ Data Center ซึ่ง PIN จะสื่อสารถึงจุดเด่นของโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประเทศจีน โดยตั้งเป้าการขายที่ดินปีนี้รวม 420 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 20% . เช่นเดียวกับการเพิ่มรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Recurring Income ทั้งกลุ่มโรงงาน คลังสินค้าให้เช่า รวมถึงให้บริการสาธารณูปโภคจากการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ลูกค้าในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง . นอกจากนี้ ยังสร้างโอกาสการเติบโตด้วยการเตรียมเปิดให้บริการโครงการโลจิสติกส์พาร์ค เฟสแรกได้ภายในปี 2566 โดยมีพื้นที่อาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าประมาณ 50,000 ตารางเมตร ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2566 ได้เป็นอย่างดี